รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

7 สิงหาคม 2025
546   0

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3708.ระยะเวลาในการยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6067/2567 แม้คดีนี้จำเลยจะให้การต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องไว้ในคำให้การเพียงประการเดียวว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องเกินระยะเวลาที่ พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 กำหนดไว้ โดยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากโจทก์มิได้เป็นผู้ยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทนและมิได้เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 52 จึงไม่มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงานตามมาตรา 53 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่เมื่อปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การก็สามารถยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 บัญญัติเกี่ยวกับการนำคดีมาฟ้องศาลแรงงานไว้เป็นการเฉพาะในกรณีที่นายจ้าง ลูกจ้าง หรือผู้มีสิทธิตามมาตรา 20 ที่ไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน เมื่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีคำวินิจฉัยอย่างใดแล้วผู้อุทธรณ์ยังไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง เฉพาะผู้อุทธรณ์เท่านั้นที่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลแรงงาน ตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง โจทก์มิได้เป็นผู้อุทธรณ์คำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่อาจฟ้องคดีต่อศาลแรงงานได้โดยอาศัยอำนาจของบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537

ไม่ปรากฏว่า พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยของจำเลยในกรณีดังกล่าวไว้ จึงเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความเสียหายที่โจทก์ได้รับจากคำวินิจฉัยของจำเลยไว้โดยเฉพาะ แต่อย่างไรก็ดี การที่จำเลยมีคำวินิจฉัยกลับคำวินิจฉัยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า ส. ผู้ตาย มีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้างโจทก์และประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง จึงมีสิทธิได้รับเงินทดแทน ตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 อันเป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ที่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ทำให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหนังสือที่ สฎ 0030/10574 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2564 เรื่อง แจ้งให้ไปขึ้นทะเบียนกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน ซึ่งเป็นผลให้โจทก์มีฐานะเป็นนายจ้างและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 และ พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 โจทก์จึงเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากคำวินิจฉัยของจำเลยโดยตรง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตาม พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 โจทก์จึงเป็นผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิแล้ว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยมีลักษณะเป็นคดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (4) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 และเมื่อไม่ปรากฏว่า พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 กำหนดถึงขั้นตอนการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนในกรณีของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้เป็นการเฉพาะ จึงไม่ใช่กรณีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า คดีตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่…กฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนบัญญัติให้ร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดไว้ จะดำเนินการในศาลแรงงานได้ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้แล้ว ทั้งปรากฏตามหนังสือของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ สฎ 0030/10573 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2564 เรื่อง แจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ที่ระบุไว้ในย่อหน้าสุดท้ายว่า … หากท่านไม่เห็นด้วยมีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงานภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ ดังนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิโดยได้รับผลกระทบจากหนังสือของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ สฎ 0030/10574 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 40/2564 และโจทก์เห็นว่าคำวินิจฉัยของจำเลยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลแรงงานภาค 8 เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยภายใน 30 วัน นับแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานีดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้รถบรรทุกที่ผู้ตายขับเป็นของโจทก์ ลำพังโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถบรรทุกที่ผู้ตายขับมิใช่ปัจจัยหรือเหตุผลที่ชี้ขาดว่าสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับผู้ตายเป็นสัญญาจ้างแรงงาน

2 การที่โจทก์ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถและเอาประกันภัยรถบรรทุกที่ผู้ตายขับในขณะเกิดเหตุรวมทั้งรถบรรทุกคันอื่นของโจทก์ก็เนื่องจากต้องปฏิบัติตามที่ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้ มิใช่เป็นการติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถบรรทุกคันที่ผู้ตายขับในขณะเกิดเหตุเพื่อควบคุมการทำงานของผู้ตายอย่างใกล้ชิด

3 การที่ผู้ตายต้องขับรถบรรทุกไปส่งสินค้าตามที่รับจ้างจากโจทก์เป็นการรับจ้างโดยคิดค่าจ้างเป็นรายเที่ยวโดยมุ่งถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ ไม่มีกำหนดเวลาการออกเดินทางหรือต้องไปถึงจุดหมายปลายทางเมื่อใดขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ตาย ตารางข้อมูลการเดินทางเป็นเพียงข้อมูลที่ต้องส่งให้แก่กรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสอบการทำงานของผู้ตายซึ่งเป็นผู้ขับรถให้ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่มีผลต่อการปฏิบัติงานของผู้ตายกับโจทก์ หากผู้ตายกระทำความผิด พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ก็เป็นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกต้องเป็นผู้ดำเนินคดีกับผู้ตายเพราะโจทก์ไม่มีอำนาจลงโทษผู้ตาย นิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ตายกับโจทก์จึงมิใช่เป็นการจ้างแรงงาน ผู้ตายมิใช่ลูกจ้างโจทก์)

(หลักกฎหมาย ป.วิ.พ.มาตรา 55 ,225 วรรคสอง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 มาตรา 52, 53 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง (4), 31, 54 วรรคหนึ่ง )

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849