รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

11 กรกฎาคม 2025
1095   0

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3681.เวลาที่ลูกจ้างที่ทำหน้าที่ขับรถบรรทุกและพักอยู่ในรถบรรทุกโดยไม่ได้ขับรถเป็นเวลาทำงานหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5307/2567 (เล่ม 6 หน้า 112) โจทก์เป็นพนักงานขับรถบรรทุกมีหน้าที่ขับรถบรรทุกไปรับแร่ทองแดงที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวแล้วกลับมายังประเทศไทยผ่านด่านชายแดนจังหวัดหนองคาย โจทก์จึงเป็นลูกจ้างในงานขนส่งทางบกซึ่งตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2541) ออกตามความใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ข้อ 2 กำหนดว่า “ให้นายจ้างกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดการทำงานปกติของลูกจ้างในงานขนส่งทางบกวันหนึ่งไม่เกินแปดชั่วโมง” ข้อ 3 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า “ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่ขับขี่ยานพาหนะทำงานล่วงเวลาเว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากลูกจ้าง” และวรรคสอง กำหนดว่า “ในกรณีที่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างตามวรรคหนึ่งแล้ว นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาได้วันหนึ่งไม่เกินสองชั่วโมง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันเกิดจากเหตุสุดวิสัย อุบัติเหตุหรือปัญหาการจราจร” และข้อ 6 กำหนดว่า “ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างในงานขนส่งทางบกทำงานล่วงเวลาในวันทำงานและทำงานล่วงเวลาในวันหยุด ให้นายจ้างจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ เว้นแต่นายจ้างตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างดังกล่าว” ดังนั้น งานขนส่งทางบกจึงมีข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาการทำงาน โดยลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่ขับขี่ยานพาหนะในงานขนส่งทางบกมีเวลาทำงานปกติไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง และนายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาโดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างได้ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง ในกรณีนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาเกินวันละ 2 ชั่วโมง แม้จะไม่ชอบด้วยกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2541) ออกตามความใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ข้อ 3 วรรคสอง แต่เมื่อลูกจ้างยินยอมทำงานล่วงเวลาเกินวันละ 2 ชั่วโมง ลูกจ้างก็ย่อมมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำทุกชั่วโมง

เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่างานที่โจทก์ต้องปฏิบัติให้แก่จำเลยตามสัญญาจ้างแรงงานคือการขับรถบรรทุกสินค้าโดยจำเลยจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนและค่าเที่ยวให้แก่โจทก์ ในส่วนของเงินค่าเที่ยวเป็นการจ่ายตามผลงานที่โจทก์ทำได้และจ่ายให้เป็นรายเที่ยวในลักษณะเป็นหน่วยการทำงานในแต่ละหน่วยในการปฏิบัติหน้าที่งานขนส่ง โจทก์จะเดินทางไปและกลับพร้อมกับพนักงานขับรถคู่กะ พนักงานขับรถคนใดเป็นผู้ทำหน้าที่ขับรถบรรทุกจะต้องนำใบขับขี่ของตนไปรูดที่เครื่องรูดบัตรประจำรถก่อนเพื่อบันทึกเป็นข้อมูลประจำรถ การทำงานของโจทก์มีเวลาสิ้นสุดที่ไม่แน่นอน จำเลยจึงจัดให้มีระเบียบว่าด้วยการทำงานของพนักงานขับรถบรรทุกหรือนโยบายความเหนื่อยล้าจากการขับรถ ที่กล่าวถึงการนำกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2541) ออกตามความใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ดังกล่าวมาใช้ในการทำงานการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์กับพนักงานขับรถคู่กะจะสลับกันขับรถบรรทุกตลอดเส้นทาง แสดงให้เห็นว่าจำเลยกำหนดให้มีพนักงานขับรถบรรทุกสองคนประจำรถบรรทุกแต่ละคันเพื่อมิให้การทำงานขับรถขนส่งสินค้าทางไกลของลูกจ้างแต่ละคนเกินระยะเวลาการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อคำนึงถึงการจ่ายค่าจ้างประเภทค่าเที่ยว การบันทึกข้อมูลของพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ ประกอบข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาทำงานของลูกจ้างในงานขนส่งทางบกแล้ว งานขับรถของโจทก์ย่อมเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถบรรทุกในช่วงเวลาที่ตนรับผิดชอบเท่านั้น เพราะหากนับระยะเวลาที่โจทก์อยู่ในรถบรรทุกตลอดเวลารวมกันโดยไม่พิจารณาว่าโจทก์ขับรถบรรทุกจริงในช่วงเวลาใดแล้ว จะทำให้การนับระยะเวลาการทำงานของโจทก์หรือพนักงานขับรถทุกคนเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทั้งที่ไม่มีการปฏิบัติงานจริงแต่อย่างใด แม้โจทก์ต้องพักอยู่ในรถบรรทุกในระหว่างที่พนักงานขับรถคู่กะกำลังปฏิบัติหน้าที่ขับรถอาจทำให้โจทก์ขาดความสะดวกสบายหรือไม่มีอิสระไปบ้าง แต่ก็เป็นเพราะลักษณะหรือสภาพของงานขนส่งทางบกซึ่งมีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาการทำงานตามกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นพิเศษแตกต่างจากการจ้างแรงงานในประเภทอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อมิให้ลูกจ้างต้องขับรถทางไกลเป็นระยะเวลานานติดต่อกันจนกระทบต่อสวัสดิภาพของลูกจ้างเองตลอดจนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีที่พนักงานขับรถคู่กะของโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้และโจทก์ต้องขับรถบรรทุกแทนจนเกิน 8 ชั่วโมง โจทก์ก็ชอบที่จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานเกินเวลาทำงานปกติได้ตามความจริง ดังนั้น เวลาที่โจทก์พักในรถบรรทุกโดยไม่ได้ทำหน้าที่ขับรถบรรทุกจึงไม่เป็นการทำงานให้แก่จำเลยตามสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์จึงไม่สามารถนำเวลาที่โจทก์มิได้ขับรถบรรทุกมาเป็นฐานในการคำนวณค่าตอบแทนการทำงานเกินเวลาทำงานปกติได้

(หมายเหตุ 1 ระเบียบการปฏิบัติงานของจำเลย กำหนดให้การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์กับพนักงานขับรถคู่กะจะสลับกันขับรถบรรทุกตลอดเส้นทาง กล่าวคือ เมื่อพนักงานขับรถคนแรกขับรถบรรทุกจากอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ไปถึงจังหวัดขอนแก่นแล้ว จะเปลี่ยนให้พนักงานขับรถคนที่สองขับรถบรรทุกจากจังหวัดขอนแก่นไปยังจังหวัดหนองคาย หลังจากนั้นจะสลับให้พนักงานขับรถบรรทุกคนแรกขับรถบรรทุกต่อไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนพนักงานขับรถคนที่สองจะต้องพักรออยู่ที่จังหวัดหนองคาย จนเมื่อรับสินค้าเสร็จแล้วพนักงานขับรถคนแรกจะขับรถบรรทุกกลับมายังจังหวัดหนองคาย พนักงานขับรถคนที่สองจึงกลับมาทำหน้าที่ขับรถบรรทุกต่อไปยังจังหวัดขอนแก่น หลังจากนั้นพนักงานขับรถคนแรกจะรับช่วงต่อเป็นผู้ขับรถบรรทุกต่อไปยังอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยเส้นทางแต่ละช่วงพนักงานขับรถจะปฏิบัติหน้าที่คนละ 6 ถึง 8 ชั่วโมง ยกเว้นบางวันที่อาจขับรถเกินเวลาทำงานปกติ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกำหนดให้มีพนักงานขับรถบรรทุกสองคนประจำรถบรรทุกแต่ละคันเพื่อมิให้การทำงานขับรถขนส่งสินค้าทางไกลของลูกจ้างแต่ละคนเกินระยะเวลาการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด)

(หลักกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849