รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

9 กรกฎาคม 2025
1254   0

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3677.ผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์มรดกเป็นของตนเอง ไม่ตกเป็นโมฆะ แต่ผู้รับโอนต่อไปอาจถูกเพิกถอนการจดทะเบียนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2568 การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ในฐานะที่ตนเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกด้วย เป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ทั่วไปของผู้จัดการมรดกไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทและการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 และมาตรา 1722 นิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกให้แก่จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวไม่ตกเป็นโมฆะตาม มาตรา 150 แม้จะทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทโดยธรรมได้รับความเสียหายไม่ได้รับมรดกที่ดินพิพาทก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 จะว่ากล่าวกันต่างหาก การที่โจทก์มีสิทธิได้รับที่ดินพิพาทส่วนของผู้ตายเป็นการได้ทรัพย์สินในอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมและเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน

ภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 จำเลยที่ 1 ได้นำที่ดินทรัพย์มรดก 2 แปลงไปแบ่งแยกเป็นแปลงย่อย 14 แปลง และเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกโฉนดที่ดินแปลงย่อยให้แก่จำเลยที่ 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 วันที่ 5 มีนาคม 2557 และวันที่ 22 เมษายน 2557 ก่อนที่จำเลยที่ 1 จะถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย จำเลยที่ 1 ได้ขายที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 9211, 9261, 9262, 9266, 9259 และ 9260 ให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการทำสัญญาซื้อขายทรัพย์มรดกติดต่อกันทุกเดือน ซึ่งได้ความตามคำให้การของโจทก์ในคดีที่โจทก์กับทายาทอื่นเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์มรดกของผู้ตายว่าจำเลยที่ 2 มีบ้านพักอยู่ใกล้กับผู้ตาย และจำเลยที่ 2 ก็ไปงานศพของผู้ตายด้วย โดยจำเลยที่ 2 ไม่นำสืบหักล้าง จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 เองควรทราบหรือรู้ว่าที่ดินพิพาทของผู้ตายเป็นทรัพย์มรดกซึ่งต้องแบ่งปันแก่ทายาทของผู้ตาย ตามพฤติการณ์จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริต การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์และทายาทของผู้ตายให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่มีผลทางกฎหมายที่จะใช้ยันแก่โจทก์ได้ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิในดินทั้งสองแปลงใหญ่รวมไปถึงที่ดินถูกแบ่งย่อยออกไปอีกห้าแปลง คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 9259, 9260, 9261, 9262 และ 9266 ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 ทำนิติกรรมขายฝากที่ดินทั้งห้าแปลงดังกล่าวระหว่างจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่มีผลทางกฎหมายที่จะใช้ยันแก่โจทก์ได้เช่นกัน โจทก์จึงเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนตามคำขอท้ายฟ้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300

ที่จำเลยที่ 3 อ้างมาในฎีกาว่า จำเลยที่ 3 รับซื้อฝากจากจำเลยที่ 2 โดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนขายฝากโดยสุจริต นั้น เมื่อคดีนี้จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคสอง (เดิม) ก็ตาม แต่ข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาดังกล่าวจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้ข้อเท็จจริงมาจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบด้วย มิใช่ข้อเท็จจริงมาจากเรื่องนอกฟ้อง นอกคำให้การ หรือนอกประเด็น หรือที่ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความต้องนำสืบ คดีนี้เมื่อจำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและคดีไม่มีประเด็นเรื่องโจทก์ฟ้องคดีโดยสุจริตหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องโดยไม่สุจริตจึงเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่มิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาต้องห้าม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) เช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

(หมายเหตุ 1 ภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2

2 ในทางพิจารณา โจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ 2 มีบ้านพักอยู่ใกล้กับผู้ตายห่างกันเพียงประมาณ 3 กิโลเมตร และจำเลยที่ 2 ก็ได้ไปงานศพของผู้ตายด้วย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยที่ 2 เองก็ไม่ได้สืบพยานหักล้าง จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 เองควรได้ทราบหรือรู้ว่าที่ดินพิพาทของผู้ตายเป็นทรัพย์มรดกซึ่งต้องแบ่งปันแก่ทายาทของผู้ตาย ตามพฤติการณ์จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริต)

(หลักกฎหมาย ป.พ.พ.มาตรา 150, 1300, 1719, 1722 ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม), 249 วรรคสอง (เดิม))

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849