ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3720.อายุความการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าและเบิกถอนเงินสดที่มีข้อตกลงให้ผู้ใช้บัตรชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นรายเดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2568 ตามใบคำขอรับสินเชื่อจำเลยระบุว่าสมัครด้วยบัตรเครดิต ไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงรับสินเชื่อซื้อสินค้าและรับสินเชื่อเป็นเงินสด ตามคำฟ้องเป็นการใช้บัตรเครดิตชำระราคาสินค้าและเบิกถอนเงินสด แม้จำเลยสามารถเบิกถอนเงินสินเชื่อที่ได้รับโดยใช้บัตรที่บริษัท จ. ออกให้จำเลย แต่สิทธิเรียกร้องในหนี้ตามฟ้องไม่ได้เกิดจากจำเลยใช้บัตรเครดิตของจำเลยซื้อสินค้าและเบิกถอนเงินสดแล้วบริษัทออกเงินทดรองจ่ายไปก่อนซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามที่จำเลยอ้าง ทั้งการที่จำเลยสมัครขอรับสินเชื่อเงินสดตามคำฟ้องเป็นกรณีที่จำเลยกู้ยืมเงินจากบริษัท จ. โดยมีข้อตกลงให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแก่บริษัทเป็นงวดรายเดือน เดือนละ 2,748 บาท มีกำหนด 24 เดือน จึงเป็นการชำระเงินผ่อนคืนทุนเป็นงวด ๆ ซึ่งมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) เมื่อจำเลยให้การแล้วว่าหนี้ตามฟ้องขาดอายุความเมื่อใด โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเมื่อใด นับแต่วันใดถึงวันฟ้องขาดอายุความไปแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แม้จำเลยให้การต่อสู้ว่าหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้บัตรเครดิตตามความเข้าใจของจำเลยมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. 193/33 (2) ก็ตาม แต่เป็นหน้าที่ศาลที่จะปรับบทกฎหมายว่ากรณีต้องด้วยบทกฎหมายมาตราใด ประกอบกับ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลตรวจสอบคำให้การของจำเลย หากศาลเห็นว่าคำให้การไม่ถูกต้องหรือขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้จำเลยแก้ไขคำให้การในส่วนนั้นให้ถูกต้องหรือชัดเจนขึ้นก็ได้ คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่าหนี้สินเชื่อกู้ยืมตามฟ้องขาดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) หรือไม่
(หมายเหตุ 1 คดีนี้โจทก์อ้างว่า จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ครั้งสุดท้ายวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 จำนวน 1,000 บาท ส่วนจำเลยให้การและนำสืบว่า จำเลยไม่เคยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ 1,000 บาท เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยชำระหนี้ดังกล่าว
2 ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากโจทก์เบิกความว่า ใบแจ้งยอดบัญชีฉบับสุดท้ายที่ส่งให้แก่จำเลยลงวันที่ 11 ธันวาคม 2558 แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้จึงไม่ได้ส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่จำเลยอีก โดยมีข้อมูลการรับเงินครั้งสุดท้ายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 จำนวน 1,000 บาท แต่ไม่ทราบว่าใครจ่ายเงิน 1,000 บาท ดังนั้น เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามใบแจ้งยอดหนี้วันที่ 11 ธันวาคม 2558 เป็นต้นมา แต่หลังจากโจทก์รับโอนหนี้ของจำเลยมาจากการรับโอนกิจการบัตรสินเชื่อเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 โจทก์อ้างว่ามีการจ่ายเงิน 1,000 บาท เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ชำระหนี้ของจำเลย โดยไม่ทราบว่าใครจ่ายเงินดังกล่าว จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่จำเลยซึ่งผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นเวลานานแล้ว เมื่อโจทก์มีภาระการพิสูจน์ แต่พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยและไม่สมเหตุผล จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยจ่ายเงิน 1,000 บาท ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์)
(หลักกฎหมาย ป.พ.พ.มาตรา 193/33 (2), 306 วรรคหนึ่ง , พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849