รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

9 สิงหาคม 2025
273   0

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3710.ผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์มรดก ผู้จัดการมรดกย่อมถูกกำจัดมิให้รับมรดกเฉพาะทรัพย์มรดกที่ยักยอกไปเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2630/2567 พฤติการณ์แห่งคดีบ่งชี้ชัดว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนายักย้ายปิดบังที่ดินโฉนดเลขที่ 21914 เนื้อที่ 200 ตารางวา ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายโดยฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่าตนทำให้เสื่อมประโยชน์ของทายาทคนอื่นแล้ว จำเลยที่ 1 จึงต้องถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกเฉพาะในส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 21914 เนื้อที่ 200 ตารางวา ที่จำเลยที่ 1 ยักย้ายปิดบังไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1605 วรรคหนึ่ง เมื่อที่ดินทั้งหมดมี 2 ไร่ 63 ตารางวา แม้การถูกกำจัดมิให้รับมรดกจะถือว่าผู้ถูกกำจัดมิให้รับมรดกมิใช่ทายาทอันจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกเฉพาะส่วนที่ได้ยักย้ายปิดบังที่ดินพิพาทในเนื้อที่ 200 ตารางวา เท่านั้น จำเลยที่ 1 จึงยังมีฐานะเป็นทายาทอันจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ในส่วนของที่ดินส่วนที่เหลือที่ไม่ได้ถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกได้

การที่จำเลยที่ 1 ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกที่ยังมิได้แบ่งปันกันเป็นการครอบครองแทนโจทก์และทายาทอื่นของผู้ตาย และแม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะโอนที่ดินพิพาทบางส่วนให้แก่จำเลยที่ 2 โดยมีค่าตอบแทน แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้บอกกล่าวไปยังทายาททุกคนว่าไม่มีเจตนายึดถือทรัพย์มรดกแทนทายาททุกคนต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 เท่ากับจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้เปลี่ยนเจตนาไปยึดถือครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น ถือได้ว่าที่จำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ตายนั้นเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นด้วย มิใช่เป็นการครอบครองเพื่อตนเองโดยลำพัง จำเลยที่ 1 จึงจะยกอายุความหนึ่งปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ ดังนั้นโจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

จำเลยรู้ดีว่าโฉนดที่ดินไม่ได้สูญหายดังที่ไปแจ้งความแต่โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองอยู่ การที่จำเลยไปแจ้งความว่าโฉนดที่ดินสูญหายแล้วนำสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายไปขอให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกใบแทนโฉนดที่ดิน จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ดังนั้นเมื่อการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จของจำเลยที่ 1 ทำให้เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อว่าโฉนดที่ดินเลขที่ 21914 สูญหายไปจริงจึงออกใบแทนโฉนดที่ดินให้ ทั้งที่โฉนดที่ดินยังอยู่ในความยึดถือครอบครองของโจทก์มาโดยตลอดและไม่ได้สูญหายไป ใบแทนโฉนดจึงเป็นใบแทนโฉนดที่ดินที่ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลให้โฉนดที่ดินเลขที่ 21914 ฉบับเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ในความยึดถือครอบครองของโจทก์ถูกยกเลิกไปตาม ป.ที่ดิน มาตรา 63 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กรณีมีเหตุให้ต้องเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 21914

การที่จำเลยที่ 1 ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 เกิดจากการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 2 จึงรีบโอนที่ดินพิพาทต่อไปอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นเมื่อใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 21914 เป็นใบแทนโฉนดที่ดินที่ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่มีผลให้โฉนดที่ดินเลขที่ 21914 ฉบับเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ในความยึดถือครอบครองของโจทก์ถูกยกเลิก ทั้งไม่อาจใช้เป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่จะนำไปจดทะเบียนและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามป.พ.พ.ได้ตามป.ที่ดิน มาตรา 63 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 72 การจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมโดยมีค่าตอบแทนในที่ดินพิพาท 200 ตารางวา และแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลยที่ 2 เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 68594 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยที่ 2 รับซื้อที่ดินดังกล่าวมาจากจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีสิทธิขายให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะรับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้วก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีสิทธิในที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามหลักที่ว่าผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนกรณีจึงมีเหตุให้เพิกถอนรายการสารบัญจดทะเบียนในใบแทนโฉนดที่ดินและเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 68594

(หมายเหตุ 1 โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย ป. ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นบุตรของนาย ป.กับนาง ต. นาย ป. ถึงแก่ความตาย โดยผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก

2 ผู้ตายมีที่ดินพิพาทเป็นโฉนดที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ 63 ตารางวา มีชื่อผู้ตายเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และมีบ้านปลูกอยู่บนที่ดินพิพาท โดยโฉนดที่ดินพิพาทอยู่ที่โจทก์ ปัจจุบันจำเลยที่ 1 พักอาศัยและครอบครองทำประโยชน์

3 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2557 จำเลยที่ 1 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร….ว่า โฉนดที่ดินพิพาทและมรณบัตรของผู้ตายสูญหาย จากนั้นจำเลยที่ 1 นำสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายไปร้องขอพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี ให้ดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไปขอออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทต่อสำนักงานที่ดิน

4 วันที่ 17 เมษายน 2558 จำเลยที่ 1 ดำเนินการขอจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 1 ก็ขอจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท

5 วันที่ 15 กรกฎาคม 2558 จำเลยที่ 1 จดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมโดยมีค่าตอบแทนในที่ดินพิพาท 200 ตารางวา

6 วันที่ 22 มิถุนายน 2559 จำเลยที่ 1 แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลยที่ 2 ออกเป็นโฉนดที่ดินแปลงใหม่

7 วันที่ 7 กันยายน 2559 โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลชั้นต้นขอให้ลงโทษในความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร และศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 137, 267 จำคุก 6 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

8 โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ โดยฟ้องขอให้เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินพิพาท เพิกถอนรายการสารบัญจดทะเบียนในใบแทนโฉนดที่ดินพิพาททั้งหมด เพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงที่แบ่งแยก กำจัดมิให้จำเลยที่ 1 รับมรดกของผู้ตาย ให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ บังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาท และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าขาดประโยชน์ในที่ดินพิพาทในอัตราเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาท

9 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น)

(หลักกฎหมาย ป.พ.พ.มาตรา 1381, 1605 วรรคหนึ่ง, 1754 , ป.ที่ดิน มาตรา 63)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849