ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3679.สามีโอนสินสมรสให้แก่บุตรที่เกิดกับภริยาเก่าก่อนตาย ภริยาฟ้องขอแบ่งทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4837/2567 (เล่ม 6 หน้า 98) สภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องโจทก์ คือโจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายให้แก่จำเลยทั้งสองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ส่วนนี้จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าผู้ตายจัดการสินสมรสไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของโจทก์ และเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วโจทก์ในฐานะคู่สมรสซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายจึงมีสิทธิในทรัพย์มรดกอีก 1 ใน 4 ส่วน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 ประกอบมาตรา 1635 อันเป็นการเรียกทรัพย์คืนฐานที่เป็นสินสมรสส่วนหนึ่งและฐานที่เป็นทรัพย์มรดกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองจะให้การต่อสู้ก็ต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ส่วนนี้จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้แต่เพียงว่า ผู้ตายจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งสองคันให้จำเลยทั้งสองโดยเสน่หาก่อนถึงแก่ความตาย รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวจึงไม่ใช่สินสมรสและไม่ใช่มรดกของผู้ตาย โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง แต่ฟ้องคดีเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความเรียกร้องมรดก โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธว่า โจทก์ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการให้ทรัพย์อันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายที่ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทั้งสองเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความการฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามมาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ยกเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นข้อต่อสู้ในคำให้การ เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยให้ก็ไม่ถูกต้อง และไม่ก่อให้จำเลยทั้งสองมีสิทธิฎีกาในประเด็นนี้
(หมายเหตุ 1 จำเลยทั้งสองเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของร้อยตำรวจเอก ส. กับภริยาเก่าที่จดทะเบียนหย่ากันแล้ว
2 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2549 โจทก์จดทะเบียนสมรสกับร้อยตำรวจเอก ส. ระหว่างสมรสโจทก์และร้อยตำรวจเอก ส. ได้มาซึ่งทรัพย์สินหลายรายการ
3 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ร้อยตำรวจเอก ส.ถึงแก่ความตาย ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้โจทก์กับนาง ป. มารดาของผู้ตายร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก
4 โจทก์ฟ้องขอเรียกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันที่ผู้ตายจดทะเบียนโอนยกให้จำเลยทั้งสองโดยเสน่หาคืนครึ่งหนึ่ง
5 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแบ่งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
6 จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ที่ขอเรียกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันที่ผู้ตายจดทะเบียนโอนยกให้จำเลยทั้งสองโดยเสน่หาคืนครึ่งหนึ่งนั้น เป็นการที่โจทก์กล่าวอ้างว่าผู้ตายจัดการสินสมรสไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1476 (5) ซึ่งโจทก์ต้องใช้สิทธิเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวภายใต้บังคับแห่งอายุความหนึ่งปีตามมาตรา 1480 วรรคสอง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ปรับบทโดยนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มาใช้บังคับโดยวินิจฉัยว่าเป็นการที่โจทก์ใช้สิทธิติดตามทรัพย์คืนซึ่งไม่มีอายุความ จึงไม่ถูกต้อง
7 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธว่า โจทก์ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการให้ทรัพย์อันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายที่ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทั้งสองเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความการฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามมาตรา 1480 วรรคหนึ่ง
8 และศาลฎีกายังวินิจฉัยต่อไปว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย จึงเป็นกรณีเข้าลักษณะกรรมสิทธิ์รวม แม้ก่อนถึงแก่ความตายผู้ตายจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิโอนเพียงเฉพาะส่วนที่ตนมีกรรมสิทธิ์อยู่เท่านั้น และกรณีต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิในรถยนต์ทั้งสองคันเพียงส่วนที่ผู้ตายมีสิทธิเท่านั้น โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมีสิทธิเรียกร้องติดตามส่วนของตนคืนจากจำเลยทั้งสองได้ครึ่งหนึ่ง)
(หลักกฎหมาย ป.พ.พ.มาตรา 1480, 1629, 1635 ป.วิ.พ.มาตรา 142, 177 วรรคสอง, 225 วรรคหนึ่ง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849